วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561



กีฬาว่ายน้ำ วิธีเล่น ทักษะในการเล่นกีฬาว่ายน้ำ






กีฬาว่ายน้ำ




        ถือว่าเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง มีคนนิยมเล่นและยังมีการจัดแข่งขันทั้ง ระดับชาติ โอลิมปิกหรือตามสถานที่เล็กๆ อีกด้วย การว่ายน้ำดีต่อสุขภาพมาก ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดตัวได้ดี คนที่อยากสูงก็สามารถเล่นได้เช่นกัน เพราะกีฬาชนิดนี้ช่วยทำให้เราสูงได้ หากว่ายเป็นประจำ และไม่ควรว่ายตามแม่น้ำหรือคลองเพราะมันมีความอันตราย แนะนำถ้าอยากเล่นจริงๆ ควรหาสระตามฟิตเนส หรือหมู่บ้านดีกว่า หากเรามีวิชาว่ายน้ำติดตัวมันดีต่อตัวเราเองและคนอื่น ซึ่งหากเราพบเห็นคนกำลังจมน้ำเราสามารถช่วยเขาได้ และยังช่วยผ่อนคลายทำให้เราไม่เครียด มีความรู้สึกว่าสดชื่นอยู่ตลอดเวลา

ท่าในการว่ายน้ำหลักๆมีอยู่ 4 ท่า ดังนี้

ท่าฟรีสไตล์ : เราสามารถว่ายอย่างไรก็ได้ตามสไตล์ของเรา คนส่วนมากมักเล่นท่าฟรีสไตล์คือว่ายแบบ เอามือว่ายไปข้างหน้าสลับกัน ซ้ายขวาท่ากบ : คือ ว่ายแบบคว่ำหน้า มือทั้งสองข้างต้องกวาดไปข้างหน้าพร้อมกันและเท้าต้องเตะไปข้างหลัง ข้อศอกต้องอยู่ใต้ผิวน้ำท่ากรรเชียง : ว่ายแบบนอนหงาย แขนทั้งสองข้างสลับกัน ตัวต้องพุ่งไปข้างหน้าท่าผีเสื้อ : ว่ายแบบคว่ำหน้า แขนทั้งสองข้างต้องสาวน้ำไปและมือทั้งสองข้างต้องยกเหนือน้ำพร้อมกัน

ว่ายน้ำ กับทักษะกลั้นหายใจ

ทักษะในการเล่น เมื่ออยู่ใต้น้ำ

หายใจ : เป็นเรื่องสำคัญมาก การหายใจในน้ำ หากคุณไม่รู้จักทักษะการหายใจใต้น้ำ ทรงตัวและเคลื่อนไหวตัวใต้น้ำจะเป็นอันตรายต่อร่างกายคุณเป็นอย่างมากควบคุมสติ : เมื่อตัวเราลงน้ำสิ่งแรกที่ควรทำเลยคือตั้งสติ หากคุณไม่มีสติในการว่ายน้ำอาจทำให้คุณเกิดความกลัวและความกังวลและทำให้ขั้นตอนว่ายน้ำนั้นไม่เป็นไปตามขั้นตอนห้ามเกร็ง : สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือ เกร็งตัวในน้ำ เพราะมันจะทำให้คุณเป็นตะคิวและจมน้ำได้ ถือว่าอันตรายมาก หากรู้ว่าเมื่อลงน้ำแล้วเกร็งก็ไม่ควรลงเป็นเด็ดขาดลอยตัวบนน้ำ : เมื่อเริ่มลงสระควรจะลงไปฝึกลอยตัวบนน้ำเพื่อผ่อนคลาย คลายความเครียดและความกลัว ให้รู้สึกสบายตัว ถึงจะเริ่มทำเป็นท่าได้วางท่าในน้ำ : เมื่อคุณเริ่มว่ายน้ำ ก็ควรจะตั้งหลักการวางท่าใต้น้ำให้ดีเสียก่อน อย่าเกร็ง ค่อยๆทำ เมื่อจัดท่าในน้ำเสร็จแล้วก็ลองเริ่มเตะขาใต้น้ำเพื่อไม่ให้ตัวจม





ท่าว่ายน้ำต่างๆ

1. FREESTYLE ฟรีสไตล์
          คำว่า "ฟรีสไตล์" เป็นคำที่เรียกกันติดปาก เพราะถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ท่านี้มีชื่อว่า "crawl stroke" (อ่านว่า ครอล สโตรค) 
          ที่เรียกกันว่า ฟรีสไตล์ก็เพราะคุณสามารถว่ายท่าอะไรก็ได้ที่คิดว่าเร็วที่สุดเพื่อให้ถึงขอบสระก่อนคนอื่น โดยท่าที่นิยมใช้
คือ crawl stroke ทำไมท่านี้จึงมีความเร็วสูงที่สุดน่ะหรือ เป็นเพราะท่านี้เป็นท่าที่ร่างกายมีความเพรียวลู่น้ำมากกว่า
ท่าอื่น ๆ รวมทั้ง การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งท่านก็สามารถจะว่ายได้อย่างง่ายดาย และในกระบวนการสอนว่ายน้ำ
ก็จะสอนท่านี้เป็นท่าแรก
          การใช้แขนท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Arm Action)
          1. การว่ายน้ำทุกท่ายกเว้นท่ากบ จะต้องใช้แขนและมือเป็นตัวขับ เคลื่อนถึง 70 % หรือมากกว่า ดังนั้นแขนจึงเปรียบเสมือนไม้พาย ที่จะช่วยให้ร่างกายไปข้างหน้าได้ และในท่าฟรีสไตล์นั้น มีลักษณะการใช้แขนที่มีความต่อเนื่องกันมากที่สุด โดยการว่ายให้มีความเร็วและถูกต้องนั้น ทำได้ดังนี้1. เมื่อคุณยืดแขนไปด้านหน้าจนสุดแล้ว แขนของคุณต้องชิดกับหู
          2. ต่อจากนั้นให้คุณกดมือลง พร้อมกับโก่งแขนโดยการยกข้อศอกโดยแรงที่จะส่งตัวคุณนั้นจะออกมาจากไหล่
          3. ดันแขนท่อนล่างให้ผ่านไปใต้ลำตัว นิ้วทุกนิ้วเรียงชิดติดกัน
          4. ดันน้ำจนกระทั่งแขนของคุณตึงพอดี สามารถตรวจสอบได้ โดยมือของคุณจะผ่านไปถึงต้นขา
          5. ยกแขนขึ้น โดยงอข้อศอก แล้ววาดแขนมาด้านหน้า วางมือลงน้ำ กดศอกแล้วยืดแขนออกไป
  ข้อควรจำ          1. คุณต้องดันน้ำไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
          2. เมื่อคุณจะวางแขนลงน้ำเพื่อว่ายต่อไป พยายามอย่าให้แขนฟาดน้ำ ให้ลากศอกและมือแทงลงน้ำไปด้านหน้าอย่างนิ่มนวล
          3. เมื่อมือคุณลงน้ำแล้ว อย่าให้มือชี้ลงไปที่พื้นสระ จงบังคับมือและแขนให้ชี้ไปยังเป้าหมาย คือ ด้านหน้าของคุณ โดยการยืดแขนออกไปขณะที่มือลงน้ำ ไม่ใช่จิ้มมือลงไปในน้ำ 
2. BACKSTROKE ท่ากรรเชียง
         หากคุณว่ายท่าฟรีสไตล์ได้ การว่ายท่ากรรเชียงก็ไม่ยากสำหรับคุณ เพราะท่ากรรเชียงก็เหมือนกับท่าฟรีสไตล์กลับด้านกันนั่นเอง
         ดังนั้นคุณสามารถว่ายกรรเชียงโดยดัดแปลงหลักการของฟรีสไตล์ได้ ถ้าคุณคิดจะว่ายเล่นคำพูดที่บอกว่าหน้าอยู่เหนือน้ำตลอดก็เป็นคำพูดที่ถูก แต่ในการแข่งขันแล้วคุณคิดเช่นนั้นหรือเปล่าเอ่ย? ไม่เลย..เพราะในการว่ายระดับสูงจะมีคลื่นที่เกิดจากการ
วางแขนของคุณไปด้านหลังอย่างเร็วและต้องวางให้ชิดกับหูของคุณด้วย ดังนั้นจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้ำจะเข้ามาที่หน้าของคุณ
การแก้ไขทำอย่างไร คุณสามารถหาดูได้จากหัวข้อด้านล่างนี้
 การใช้แขนท่ากรรเชียง (Backstroke Arm Action)
การว่ายท่ากรรเชียง คุณต้องนอนหงายแล้วว่ายในลักษณะเคลื่อนที่ไปด้านหลัง แต่การทำงานของแขน
และมือจะคล้ายกับท่าฟรีสไตล์มาก เรามาดูกันว่า เราต้องทำอย่างไรบ้าง
         1. เมื่อคุณยืดแขนออกไปแล้ว แขนคุณต้องชิดหู ไม่ใช่เอาหูไปชิดแขนนะครับ ให้พาแขนมาชิดหู 
         2. ให้คุณกดแขนลงไปในน้ำ ที่สำคัญปล่อยไหล่ตามสบาย ถ้าคุณเกร็งไหล่ให้อยู่กับที่เอาไว้ คุณจะกดแขนลงน้ำไม่ได้
         3. งอข้อศอกและตั้งมือ พร้อมทั้งดันน้ำผ่านไปทางต้นขาของคุณอย่างรวดเร็ว
         4. จังหวะสุดท้ายของการดันน้ำ ให้คุณกดมือลงอย่างแรง จนแขนของคุณตึง
         5. เมื่อคุณยกแขนขึ้นมาจากน้ำ คุณต้องไม่งอข้อศอก และวางแขนไปด้านหลังโดยไม่ฟาดน้ำ โดยการวางแขนนั้นให้คุณหันฝ่ามือเอานิ้วก้อยลงก่อน
         6. เริ่มทำข้อ 1. กับแขนอีกข้าง
         ข้อควรจำ
         1. ในการวางแขนลงน้ำเพื่อจะดึงน้ำต่อไป คุณต้องให้นิ้วก้อยลงน้ำก่อนเสมอ
         2. คุณไม่ต้องกังวลเรื่องที่น้ำจะเข้าหน้าคุณ เพราะว่าถ้าคุณว่ายถูกต้อง น้ำก็เข้าหน้าคุณอยู่แล้ว ให้คุณแก้ไขโดยกำหนดจังหวะหายใจ เช่น ยกแขนขวาขึ้นหายใจเข้า ยกแขนซ้ายหายใจออก เป็นต้น
         3. ให้คุณเก็บคางเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ก้มจนหูพ้นน้ำ และไม่เงยจนกระทั่งหน้าจมลงไปในน้ำ
         4. ยืดตัวเอาไว้ อย่างอตัวเป็นกุ้งเด็ดขาด
3. BUTTERFLY ท่าผีเสื้อ
         ท่าผีเสื้อ เป็นท่าที่คุณต้องใช้แรงในการว่ายมากที่สุด และในการสอนว่ายน้ำก็จะสอนท่านี้เป็นท่าสุดท้าย ท่านี้มีความเร็วเป็นอันดับสองรองจากฟรีสไตล์ แต่ถ้าคุณว่ายเก่งคุณสามารถว่ายจี้ติดคนที่ว่ายท่าฟรีสไตล์ได้เลยทีเดียว ในการว่ายท่าผีเสื้อนี้คุณจะต้องฝึกฝนเป็นเวลานานกว่าท่าอื่น รวมทั้งคุณต้องมีร่างกายที่แข็งแรงด้วย บางคนคิดว่าการว่ายผีเสื้อต้องเป็นคนที่หัวไหล่แข็งแรงเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วแค่นั้นยังไม่พอ คุณต้องมีกล้ามเนื้อทั้งหัวไหล่ หน้าอก ลำตัว หลัง และขาที่แข็งแรงมาก ถ้าคุณว่ายที่นี้ได้ดี คุณจะว่ายได้อย่างสวยงามไม่น้อยเลย สำหรับผู้ชายที่ว่ายน้ำท่านี้ คุณจะมีรูปร่างที่สวยงามเป็นเหมือนสามเหลี่ยมหัวกลับเลยเชียว แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณก็อาจจะมีช่วงไหล่ที่กว้างและใหญ่ได้ ในการว่ายท่านี้มีลักษณะเป็นการถ่ายน้ำหนักของร่างกายไปมาจากหน้าไปหลังและหลังไปหน้าไปเรื่อย ๆ ดังนั้นท่านี้ต้องอาศัยเอวและสะโพกมาช่วย

         การใช้แขนท่าผีเสื้อ (ฺButterfly Arm Action)
  1. เมื่อแขนคุณอยู่ข้างหน้า ให้กดมือลงพร้อมกับกวาดออกไปด้านข้างเล็กน้อย
         2. งอข้อศอกพร้อมทั้งดันมือผ่านใต้ลำตัว
         3. ดันน้ำจนแขนผ่านบริเวณต้นขา
         4. ยกแขนขึ้นให้ศอกและมือพ้นจากน้ำ
         5. วางแขนกลับไปด้านหน้าโดยให้แขนมีความกว้างเท่าช่วงไหล่
         ข้อควรจำ
         1. ในขณะที่คุณดันน้ำผ่านใต้ลำตัวนั้น คุณต้องพยายามรักษาระดับของข้อศอกให้สูงเสมอ ไม่ให้ข้อศอกตกลงไปต่ำมาก
         2. ในขณะยกแขนขึ้นจากน้ำต้องให้ศอกพ้นน้ำด้วย เพราะมันเป็นทั้งหลักการว่ายที่ถูกต้องและเป็นกติกาสากลในการว่ายท่าผีเสื้อ 
         3. คุณควรพยายามดันน้ำให้มือทั้งสองข้างผ่านใต้ลำตัว เพื่อให้เกิดแรงส่ง ถึงแม้จะเหนื่อยหน่อยแต่คุณจะว่ายได้เร็วกว่าการที่คุณจะดันน้ำเพียงแค่ข้างลำตัวเท่านั้น 
         4. ในการดันมือผ่านใต้ลำตัวคุณต้องดันน้ำไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นไหล่และแขนของคุณจะยกขึ้นไม่พ้นน้ำ
4. BREASTSTROKE
         " คนส่วนใหญ่คิดว่าท่ากบจะสบายที่สุด แต่คุณรู้ไหมว่าท่ากบเป็นท่าที่ต้องใช้เทคนิคและพรสวรรค์สูงที่สุด " 
         ข้อความด้านบนเป็นจริง เพราะท่ากบเป็นท่าธรรมชาติของมนุษย์คือใช้มือพุ้ยน้ำและใช้เท้าถีบไปเรื่อย ๆ แต่ในการแข่งขันแล้ว
ท่ากบใช้เทคนิคสูงเพราะการว่ายไม่เหมือนกับการว่ายเล่นธรรมดา และต้องใช้พรสวรรค์สูงเพราะเป็นท่าที่นักกีฬา ต้องมีกล้ามเนื้อ
ที่เรียวยาว ข้อหัวเข่ายืดหยุ่นได้สูง ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะหาคนที่เหมาะสมกับการว่ายแบบนี้จริง ๆ และที่บอกว่าใช้เทคนิคสูง
เนื่องจากอะไรนั้นสามารถดูได้จากเว็บไซต์นี้ แต่รูปที่นำมาแสดงเป็นการว่ายแบบปกติของท่ากบ ในช่วงท้ายจะมีส่วนที่จะบอกให้
คุณได้ทราบว่าเทคนิคดังกล่าวคืออะไร อ้อ! ถ้าคุณว่ายท่าผีเสื้อได้คุณก็คงทราบอยู่แล้วล่ะ
การใช้แขนท่ากบ (ฺBreaststroke Arm Action)
 การใช้แขนในท่ากบ มีความสำคัญในการขับเคลื่อนร่างกายไปข้างหน้าน้อยกว่าการใช้ขา เพราะท่ากบใช้พลังขา 70 %เพื่อการขับเคลื่อนร่างกาย แต่การใช้แขนก็ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญเพราะอีก 30 % ก็มีผลต่อการว่ายเช่นกัน เรามาดูกันว่าการใช้แขนของท่ากบนั้นทำอย่างไรบ้าง 
         1. ให้คุณกดมือพร้อม ๆ กับการกวาดมือไปด้านข้าง โดยการกดมือและแขนลงนั้นให้กดลงประมาณ 45 องศา
         2. เมื่อกวาดมือออกมาเลยช่วงไหล่เล็กน้อยให้โก่งแขนโดยงอข้อศอกและยกข้อศอกให้สูงเอาไว้พร้อมกับล็อคข้อศอกให้อยู่กับที่คือไม่ลากศอกออกไปด้านหลัง 
         3. ตวัดมือทั้งสองข้างให้มาด้านหน้าในลักษณะกระพุ่มมือ (การตวัดให้มาทั้งแขนท่อนล่างไม่ใช่ตวัดแค่ข้อมือ) พร้อมทั้งให้หนีบศอกทั้งสองข้างมาชิดตัวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งยืดแขนออกไปด้านหน้าอย่างเร็วด้วย
         4. ก้มหัว ส่งแรงจากไหล่ตามแขนไปด้วย
         ข้อควรจำ
         1. คุณต้องยกศอกให้สูงเสมอในขณะที่ดันน้ำ
         2. คุณต้องไม่ลากแขนออกไปด้านข้างมากนัก และไม่ลากแขนจนมือเลยไปด้านหลัง
         3. อย่าให้มือไปอยู่ใต้หน้าอกหรือใต้ลำตัว เมื่อศอกชิดตัวแล้วมือต้องอยู่ด้านหน้าของหน้าอก
         4. คุณต้องหนีบข้อศอกมาให้รวดเร็วที่สุด เพื่อเป็นการแหวกขึ้นมาหายใจอย่างรวดเร็ว มิใช่ค่อย ๆ เงยขึ้นมาแล้วลำตัวไปต้านน้ำ ทำให้เคลื่อนที่ได้ช้าลง


ประโยชน์ของการว่ายน้ำ

ว่ายน้ำ

ท่านที่ชอบว่ายน้ำคงจะรู้สึกว่า ได้ว่ายน้ำแล้วทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง นอนหลับสบาย มีความสุข เมื่อได้แช่ตัวลงในสระว่ายน้ำ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าการออกกำลังกายประเภทใดดีกว่ากัน แต่การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่นับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังทำให้จิตใจได้ผ่อนคลายเมื่อร่างกายได้ลงแช่น้ำอีกด้วย การว่ายน้ำจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการออกกำลังกายที่หลายคนชื่นชอบ ประโยชน์ของการว่ายน้ำมีดังต่อไปนี้

1. ว่ายน้ำช่วยในการลดน้ำหนัก

การว่ายน้ำสามารถทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ถึง 367 แคลอรี่ ใช้เวลาเพียง 30 นาที ซึ่งพอๆ กับการเดินเร็ว การปั่นจักรยาน การวิ่งเหยาะๆ ท่านใดต้องการลดน้ำหนักก็สามารถเพิ่มเวลาในการว่ายน้ำตามความต้องการได้อีกด้วย

2. ว่ายน้ำช่วยลดความเครียดและเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง

ผลการศึกษาของ Speedo ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของนักว่ายน้ำ จำนวน 74,000 คน พบว่าร้อยละ 74 มีความคิดเห็นว่าการว่ายน้ำช่วยผ่อนคลายจากความเครียดและความกดดัน ร้อยละ 68 มีความคิดเห็นว่าอยู่ในน้ำแล้วรู้สึกดีต่อตัวเอง และร้อยละ 70 มีความคิดเห็นว่ารู้สึกสดชื่นหลังจากที่ได้ว่ายน้ำ

3. ว่ายน้ำช่วยให้อารมณ์ดี

การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่านักว่ายน้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด มักจะไม่ค่อยมีความเครียด ความกดดัน ความหดหู่ ความโกรธ และความสับสน เมื่อพวกเขาได้ว่ายน้ำ หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นนักว่ายน้ำมือใหม่และนักว่ายน้ำมือสมัครเล่นก็สามารถรู้สึกดีเหมือนกับนักว่ายน้ำมืออาชีพได้ เนื่องจากการว่ายน้ำทำให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนเซโรโทนินที่ทำให้อารมณ์ดี

4. ว่ายน้ำช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

การว่ายน้ำเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อของคุณ เนื่องจากน้ำมีความต้านทานมากกว่าอากาศถึง 44 เท่า ซึ่งหมายความว่าคุณต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อเคลื่อนที่ผ่านน้ำ และการว่ายน้ำยังเป็นการออกกำลังกายที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายในราคาแพงอีกด้วย

5. ว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่เสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บน้อยมาก

เมื่อคุณว่ายน้ำ คุณจะมีน้ำหนักเพียงร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว เนื่องจากน้ำช่วยในการลอยตัว และยังช่วยลดการเคลื่อนไหวและความตึงของกระดูกข้อต่อและกล้ามเนื้อลงด้วย การว่ายน้ำจึงมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยกว่าการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ

6. ว่ายน้ำช่วยให้นอนหลับสบาย

จากการศึกษาพบว่าผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น ว่ายน้ำ มีแนวโน้มนอนหลับได้ดีกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยเป็น 2 เท่า และผลการสำรวจของ National Sleep Foundation พบปัญหาการนอนน้อย มักเกิดจากการนอนไม่หลับและตื่นเร็วเกินไป

7. ว่ายน้ำไม่มีเหงื่อ

เมื่อคุณว่ายน้ำจะไม่รู้สึกร้อนจนเกินไปหรือไม่รู้สึกว่ามีเหงื่อ เพราะน้ำรอบๆ ตัวคุณจะทำให้คุณเย็นลงอย่างต่อเนื่อง

8. ว่ายน้ำช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ

ว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด ช่วยให้ร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ดังนั้นหากคุณว่ายน้ำเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดสารพัดโรค ได้แก่ โรคเบาหวานชนิดที่ 2โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กีฬาว่ายน้ำ วิธีเล่น ทักษะในการเล่นกีฬาว่ายน้ำ         ถือว่าเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง มีคนนิยมเล่นและยังมีการจัดแข่งขันทั้ง ระดับชา...

ทักษะการว่ายน้ำ